วัวชน…ชนวัว
ประวัติความเป็นมา
ครั้นอดีตใช้วัวลากคันไถ วิถีไทยโบราณแต่ก่อนเก่า
ทำไร่นาหาปลาภูมิลำเนา มิจากบ้านห่างเขาลำเนาไพร
เลิกจากนาพาสนุกคลายทุกข์บ้าง จึงหาทางสร้างสีสันอันสุขใจ
ถอดคันไถจากวัวแต่โดยไว การละเล่นของไทยคือ
“ชนวัว”
วัวนี่หรือถือเป็นทาสของคนหนา คอยนำพาเลี้ยงชีพผู้คนทั่ว
เหนื่อยแค่ไหนไม่เคยบ่นหรอกนะวัว ไม่เคยกลัวแม้ลำบากแล
*ตรากตรำ
ปัจจุบันผันแปรผิดแต่ก่อน ตอนเช้าตรู่ตื่นนอนช่างน่าขำ
บนถนนคนวิ่งตามวัววิ่งนำ คงเป็นกรรมของคนทำกับวัว
ค่านิยมมีมากทุกวี่วัน ค่าเดิมพันแต่ละครั้งน่าสลัว
หมื่นแสนล้านตามเก่งกาจเฉพาะตัว เป็นค่าหัวหากชนะก็ได้ไป
การละเล่นแปรเปลี่ยนหมุนเวียนหาย มีกลับกลายเป็นการพนันไซร้
เลี้ยงอย่างดีเพื่อหวังการมีชัย หวังจะได้เงินตราจาก “วัวชน”
สถาบันทักษิณคดีศึกษา (๒๕๒๙: ๘๙๙) ได้ให้ความรู้เรื่องวัวชนไว้ว่า “วัวชน กีฬาชนิดนี้ชาวภาคใต้น่าจะได้รับกีฬาประเภทนี้มาจากพวกโปรตุเกส คือในสมัยพระเจ้าเอมมานูแอล ในปี พ.ศ. ๒๐๖๑ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีพระองค์นี้ได้ทรงอนุญาตให้ชาวโปรตุเกสเข้ามาทำการค้าขายกับไทยโดยทางเรือ และให้ทำการค้าใน ๔ เมือง คือ ที่กรุงศรีอยุธยา นครศรีธรรมราช ปัตตานี และมะริด นอกจากทำการค้าแล้ว ชาวโปรตุเกสบางพวกยังได้เผยแพร่ขนบธรรมเนียมไว้หลายอย่างเช่น การติดตลาดนัด การทำเครื่องถม และการชนวัว เป็นต้น
ในอดีตเชื่อกันว่า กีฬาวัวชน เป็นการเอาวัวมาชนกันเพื่อความสนุกสนานเพียงอย่างเดียว แต่ต่อมาได้มีการพนันขันต่อกันด้วยตามวิสัยของมนุษยชาติ กีฬาวัวชนจึงได้กลายมาเป็นการพนันประเภทหนึ่งด้วยเหตุนี้ เมื่อเป็นกีฬาที่มีการพนันแทรกเข้ามาโดยมีการได้เสียกันเป็นเงินเรือนหมื่นเรือนแสน ทางราชการก็จำเป็นต้องเข้าไปควบคุมการเล่นประเภทนี้ให้ถูกกฎหมายของบ้านเมือง เพื่อป้องกันมิให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยใดๆขึ้น โดยปัจจุบันจัดให้มีบ่อนวัวชนที่ถูกต้องตามกฎหมาย เรียกว่า “สนามชนโค” หรือเรียกกันอย่างสามัญว่า “บ่อนวัวชน” หรือ “บ่อนชนวัว” การชนวัวมักจะจัดขึ้นในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น งานเทศกาลสารทเดือนสิบที่จังหวัดนครศรีธรรมราช หรืองานเฉลิมพระชนมพรรษาที่จังหวัดตรัง โดยในช่วงปกติจะชนได้เดือนละ ๑ ครั้ง เท่านั้น มีการกำหนดให้ชนในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์สัปดาห์ใดสัปดาห์หนึ่งของเดือน แต่ถ้าวันเสาร์วันอาทิตย์ใดตรงกับวันธรรมสวนะก็ต้องเลื่อนไปชนในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์อื่น”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น