การคัดเลือกวัวชน

การคัดเลือกวัวชน


                นักเลงวัวชนที่เป็นเจ้าของวัวบางคนจะผสมพันธุ์วัวชนของตนเอง แล้วคัดเลือกลูกคอกที่มีลักษณะดีนำมาใช้เป็นวัวชนต่อไป แต่บางคนอาจสืบเสาะหาวัวที่มีคุณลักษณะดีเด่นตามที่ตนต้องการจากท้องถิ่นต่างๆที่มีพันธุ์วัวชนอยู่ โดยการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนอย่างใดอย่างหนึ่ง วัวชนตัวหนึ่งๆมีราคาประมาณตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ – ๕๐,๐๐๐ บาท วัวตัวที่ได้รับการคัดเลือกก็จะต้องเป็นวัวที่มีลักษณะดี หรือมีเชิงชนดีอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนมากจะเป็นวัวที่เคยชนมาแล้วอย่างน้อย ๑ – ๒ ครั้ง จนเห็นชั้นเชิงหรือลีลาการชน และมักจะเป็นวัวที่มีอายุไม่มากนัก คือ ราว ๓ – ๕ ปี แต่ถ้าเป็นวัวที่ไม่เคยชนมาก่อน ก็ต้องเอา “วาง” หรือ “ซ้อม” ดูกับวัวอื่น เพื่อดู “ทางชน” หรือชั้นเชิงของวัวตัวนั้นเสียก่อน ถ้าชนดีก็คัดเลือกเอาไว้ใช้เป็นวัวชนต่อไป

การเลี้ยงดู


              ในระยะแรกต้องเอาวัวที่คัดเลือกไว้นั้นมา “ปรน” (บำรุงเลี้ยงดู) ให้สมบูรณ์เสียก่อน ในกรณีที่เป็นวัวใหม่ อาหารหลักก็คือหญ้าเกือบทุกชนิด นอกจากจะล่ามหรือผูกให้กินหญ้า ตามทุ่งหญ้าหรือสนามหญ้าแล้วยังจะต้องตัดหญ้าใส่ลังหรือรางให้กินในโรงที่พักของวัวอีกด้วย บางทีอาจป้อนหญ้าให้กินด้วยก็มี เพราะฉะนั้นวัวชนจึงมีความเป็นอยู่ดีกว่าวัวใช้งานและวัวชนิดอื่น ๆ จนมีสำนวนพูดเปรียบเทียบกับคนที่มีฐานะดีที่ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายในการทำมาหากินว่า “กินหญ้าตัด” อาหารหลักอย่างอื่นก็มีน้ำและเกลือ สำหรับน้ำจะต้องให้กินอย่างน้อย วันละ 2-3 ครั้ง ส่วนเกลือนั้นให้กิน 15 วันต่อ 1 ครั้ง ๆ ละ 1 กำมือหรืออาจมากน้อยกว่านั้นสักเล็กน้อยก็ได้ อาหารเสริมสำหรับวัวชนมีหลายอย่าง เช่น ถั่วเขียวต้มน้ำตาลกรวด ข้าวต้มกล้วยน้ำว้า กล้วยหอม น้ำมะพร้าวอ่อน อ้อย ขนุน ไข่ไก่และผลไม้อื่น ๆ สำหรับไข่ไก่ให้กินสด ๆ ทีละ 10-15 ฟองบางตัวที่เจ้าของฐานะดีก็อาจจะเอาไข่ไก่นั้นตีแล้วคนกับเบียร์ดำตราคอหมาป่าใส่กระบอกกรอกให้กินก็มี
             ที่อยู่อาศัยของวัวชน จะปลูกสร้างเป็นโรงนอนให้อยู่ขนาดพอสมควร ต้องก่อไฟแกลบไล่ยุง ริ้นไม่ให้รบกวนได้บางตัวที่เจ้าของฐานะดีก็อาจจะเย็บมุ้งหลังใหญ่ให้นอนด้วยในปัจจุบันในเรื่องนี้ไม่ค่อยมีปัญหานัก เพราะเกือบทุกโรงนอนของวัวชนที่มีชื่อมักทำมุ้งลวดให้อยู่อาศัย โรงวัวดังกล่าวก็จะต้องทำความสะอาดทุกวัน
               เดือนหนึ่ง ๆ จะซ้อมคู่ได้ประมาณ 1-2 ครั้ง วัวชนตัวหนึ่งต้องซ้อมคู่ 4-5 ครั้ง จึงจะทำการชนได้ ฉะนั้นวัวชนตัวหนึ่ง ๆ โดยเฉพาะวัวใหม่จะต้องใช้เวลาเลี้ยงดูและฝึกซ้อมอย่างจริงจังอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 4 เดือน
วัวชนนั้นถ้าได้เลี้ยงดูและฝึกซ้อมดีจนถึงขนาด ก็อาจเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แม้ว่าจะมีชั้นเชิงด้อยกว่าคู่ต่อสู้ก็ตาม เช่นนี้ เรียกว่ามี “น้ำเลี้ยง” หรือ “เนื้อเลี้ยง” หรือ เนื้อดีกว่าในขณะเดียวกันตัวที่แพ้ก็จะเรียกว่า “แพ้เนื้อ” หรือ “แพ้น้ำเลี้ยง”
 


            การออกกำลังกายและฝึกซ้อมในระยะก่อนชนคนเลี้ยงต้องพาวัวเดินออกกำลังกายในตอนเช้ามืดทุกวัน เป็นระยะทางวันละ 5-10 กิโลเมตร เป็นประจำ เมื่อเดินออกกำลังกายในตอนเช้าแล้วผู้เลี้ยงจะนำวัวไปอาบน้ำด้วยการขัดสีด้วยแปลง บางตัวก็ฟอกสบู่จนเนื้อตัวสะอาดดีแล้วก็นำมากินหญ้าแล้วเริ่มตากแดด เรียกว่า “กราดแดด” หรือ “กรากแดด” คือล่ามหรือผูกไว้กลางแดดเพื่อให้วัวมีน้ำอดน้ำทน เริ่มกราดแดดตั้งแต่เวลา 09.00 นาฬิกา จนกระทั่งถึง 12.00 นาฬิกา แต่บางตัวที่ยังไม่หอบก็ต้องตากแดดไปถึงบ่ายก็ได้ เมื่อกราดแดดแล้วก็นำเข้าโรงเพื่อพักผ่อน ให้กินหญ้ากินน้ำ พอถึงเวลา 15.00-16.00 นาฬิกา คนเลี้ยงจะนำวัวไปอาบน้ำอีกครั้งหนึ่งแล้วพาเดินไปยังสนามที่จะชนเพื่อให้คุ้ยเคยกับสถานที่ เรียกว่าให้ “ลงที่” ทุกวัน
          การซ้อมคู่ เรียกว่า “ปรือ” หรือ “ปรือวัว” ก่อนจะมี การซ้อมคู่จะต้องหยุดการออกกำลังกายอย่างน้อย 2 วัน การซ้อมคู่ใช้เวลาประมาณ 5-20 นาที (เวลามากน้อยขึ้นอยู่กับวัยและความแข็งแกร่งของวัวแต่ละตัว) การซ้อมคู่ในปัจจุบันจะใช้ปลาสเตอร์พันปลายยอดหรือหลายทั้ง 2 ข้าง ถ้าเป็นวัวเขายาวอาจต้องใช้เพลาสเตอร์หลายม้วนก็ได้ และการซ้อมคู่ทุกครั้งจะต้องใช้เชือกยาว ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกในการแยกวัวออกจากกันเมื่อต้องการจะหยุดซ้อม
     ฉะนั้น การที่วัวชนตัวใดตัวหนึ่ง จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้นั้นก็ย่อมขึ้นอยู่กับเหตุผลบางประการ คือ จะไม่เสียเปรียบคู่ต่อสู้จนเกินไป ไม่ว่าในเรื่องของร่างกาย เขา เชิงชน ความแข็งแรง และความทรหดอดทน ฯลฯ ส่วนลักษณะตามความเชื่อ เช่น สี ขวัญ หรือกิริยาอาการต่าง ๆ ล้วนแต่เป็นเครื่องสังเกตอย่างหนึ่งเท่านั้น มิใช่เครื่องทำนายผลการต่อสู้ได้อย่างถูกต้องทุกครั้งไป


ตั้งชื่อวัวชน
             ในสมัยก่อนการตั้งชื่อวัวชนไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญแต่อย่างใด คือมักจะเรียกตามชื่อ “สี” ของวัวตัวนั้น หรืออาจจะนำเอาชื่อเจ้าของวัวต่อท้ายชื่อวัวนั้นเข้าไปด้วยก็ได้ เช่น วัวสีแดง ของนายทบ แห่งอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ชนกับวัวลายของนายเตง แห่งอำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราชตามกำหนดการของสนามก็จะออกมาว่า “วัวแดงทบ”นายทบ ฉวาง ชนกับ วัวลายลูกเตง นายเตง เชียรใหญ่ “ ฯลฯ ในปัจจุบันการตั้งชื่อวัวชนถือเป็นเรื่องสำคัญคล้ายกับตั้งชื่อคน หรือชื่อนักมวยอยู่เหมือนกันแต่ชื่อของวัวชนนั้นจะตั้งชื่อว่าอะไรก็ตาม คำนำหน้าชื่อจะต้องขึ้นต้นด้วยสีของวัวก่อนเสมอ ตัวอย่างเช่น โคแดงไพรวัลย์ โคโหนดแสนสิงห์ โคขาวสังหารลูกเทวดา โคโหนด 357
โคโหนดเฉียบขาด โคลั่นดาสายชล โคลางสาดนิ่มนวล โคดุกด้างน้องหนึ่ง โคโหนดพระราม โคนิลยมบาล โคขาวเทวา โคนิลหนุมาน โคแดงขุนช้าง โคขาวไหมสิงโต โคดุกด้างค้างคาว โคขาวเนตรน้อย โคขาวพเยาว์ โคแดงชาติชาย โคแดงขุนทัพ โคนิลสกายแล้ป โคนิลยีราฟ โคโหนดเปาบุ้นจิ้นโคแดงว่องไว โคนิลท้องลายณรงค์ฤทธิ์ โคแดงงามรุ่งโรจน์ โคโหนดโคฮัง โคนิลโพธิ์เงิน โคคอดำเอราวัณ โคแดงอาภัพ โคขาวแห้ง โคนิลแซมประกายฟ้า โคนิลน้อย โคขาวขวัญโดม โคลายกู้เกียรติพิชิตศึก ฯลฯ
การเติมชื่อวัวชนบางที่เติมคำว่า “อ้าย” เข้าข้างหน้าชื่อก็มี เช่น อ้ายแดงไพรวัลย์ อ้ายนิลโพธิ์เงิน เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น